อาดัมและเอวายืนอยู่ใต้ต้นไม้กลางสวนที่พระเจ้าห้ามกิน{ปฐก.2:9; 3:3, 6}และกำลังตัดสินใจกันว่าจะกินผลไม้ที่พระเจ้าทรงห้ามกินกันดีหรือไม่ แต่ด้วยงูหลอกลวงด้วยคำพูดที่หอมหวาน อาดัมและเอวาจึงเลือกที่จะกินผลไม้ที่พระเจ้าได้ห้าม เป็นการใช้น้ำใจอิสระที่พระเจ้าให้ไปในทางที่ผิด{ปฐก.3:1-5}
เอวา<<เด็ดผลไม้มากิน แล้วยังให้สามีซึ่งอยู่กับนางกินด้วย เขาก็กิน>>{ปฐก.3:6}
เพราะการไม่เชื่อฟังพระเจ้า ทั้งสองจึงทำสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม
เพราะการไม่เชื่อฟังพระเจ้า ทั้งสองจึงทำบาปผิดต่อพระเจ้า และตกทอดมายังลูกหลานของเขาซึ่งคริสตชนเรียกว่า บาปกำเนิด
พระแม่มารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมลที่สมโภชในวันนี้คือ เอวาใหม่พระแม่มารีย์ทำสิ่งตรงข้ามกับเอวาได้กระทำ
พระแม่มารีย์ยืนอยู่ข้างไม้กางเขนของพระเยซูเจ้าที่กัลวารีโอ{ยน.19:25, 41}, ต้นไม้แห่งกางเขน{กท.3:13}พระแม่มารีย์ไม่เลือกที่จะทำตามใจตนเอง แต่ทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
พระแม่มารรีย์ชวนให้เราได้กินผลไม้ที่ต้นไม้แห่งกางเขนของพระเยซูเจ้า คือ เนื้อและโลหิตของลูกชายตนเอง{ยน.6:55}
เพราะการเชื่อฟังพระเจ้า พระแม่มารีย์เชิญชวนให้เรารับศีลมหาสนิท ซึ่งเป็นอาหารนิรันดร
เพราะการเชื่อฟังพระเจ้า พระแม่มารีย์ยอมรับการเป็นมารดาของพระเจ้า ที่นำความรอดมาให้มนุษย์
สำหรับคริสตชนเวลานี้ เลือกกินผลไม้ที่พระเจ้าห้าม หรือ ผลไม้ที่พระแม่มารีย์ยื่นให้
เพราะการเลือกกินผลไม้ที่พระเจ้าห้าม ตลอดปีหรือตลอดหลายปีที่ผ่านมาการกินผลไม้ในรูปแบบใหม่ ๆ เช่น การสะสมทรัพย์สมบัติ {สภษ.13:19}จนไม่มีเวลาให้กับพระเจ้า
เพราะการเลือกกินผลไม้ที่พระเจ้าห้าม ตลอดปีหรือตลอดหลายปีที่ผ่านมา คริสตชนหลาย ๆ ท่าน ได้ปฏิเสธที่จะไปร่วมบูชาขอบพระคุณ
เพราะการเลือกกินผลไม้ที่พระเจ้าห้าม ตลอดปีหรือตลอดหลายปีที่ผ่านมา คริสตชนหลาย ๆ ท่านได้ปฏิเสธที่รับประทานอาหารทรงชีวิต
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่คริสตชน จะเลือกรับประทานอาหารที่พระแม่มารีย์ยื่นให้กับเรา นั่นคือการรับศีลมหาสนิท
คริสตชนทั้งหลายอย่าลืมว่า<<พระเจ้าทรงเลือกสรรเราในพระคริสตเจ้าแล้ว ตั้งแต่ก่อนการเนรมิตสร้างโลก เพื่อให้เราศักดิ์สิทธิ์และปราศจากมลทินเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ด้วยความรัก>>{อฟ.1:4}
>>พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงกล่าวแก่บรรดาคนรับใช้ว่า“เขาบอกให้ท่านทำอะไร ก็จงทำเถิด<<
{ยน.2:5}