พ่อเล่าเรื่อง 56: การปลูกฝังวิสัยทัศน์ใหม่ๆของชีวิตผู้ถวายตน(นักบวช)

การปลูกฝังวิสัยทัศน์ใหม่ๆของชีวิตผู้ถวายตน(นักบวช)

(Cultivate a renewed vision of consecrated life)

เมื่อวันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงประกอบพิธีมหาบูชาขอบพระคุณโอกาสวันนักบวชสากล ณ พระมหาวิหารนักบุญเปโตร นครรัฐวาติกัน ประเทศอิตาลี พระองค์ทรงยกตัวอย่างของผู้เฒ่าซีเมโอนและนางอันนาจากพระวรสารประจำวัน (ลก 2:22-32) ที่กำลังรอคอยพระผู้ไถ่อยู่ในพระวิหาร

เมื่อพระนางมารีย์และนักบุญโยเซฟได้นำพระกุมารเยซูเจ้าไปถวายในพระวิหารตามธรรมเนียมของชาวยิว ผู้เฒ่าซีเมโอนได้อุ้มพระกุมารไว้กล่าวว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า บัดนี้ พระองค์ทรงปล่อยผู้รับใช้ของพระองค์ไปเป็นสุข เพราะนัยต์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้ช่วยให้รอดพ้น”

พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงให้ข้อคิดจากพระวรสารนี้ 3 ประการ คือ

1. อะไรที่ทำให้เราก้าวไปข้างหน้า

2. ดวงตาของเราเห็นอะไร

3. สวมกอดพระเจ้า

สิ่งที่ทำให้เราก้าวไปข้างหน้า (What moves us?)

เช่นเดียวกับผู้เฒ่าสิเมโอน พระจิตเจ้าช่วยทำให้เราสามารถแยกแยะการประทับอยู่ของพระเจ้า และกิจการของพระองค์แม้ในสิ่งที่เล็กน้อยและเปราะบาง ซึ่งบางครั้งไม่ได้ปรากฏให้เห็นด้วยสายตาของเราแต่ซ่อนอยู่ในเหตุการณ์ต่าง ๆ สิ่งที่ทำให้เราก้าวไปข้างหน้ามากที่สุดก็คือ องค์พระจิตเจ้า (The Holy Spirit) และนี่เป็นข้อคิดสำหรับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นนักบวช ว่า คนที่ทำให้เราก้าวไปข้างหน้าคือใคร?

พระจิตเจ้าของพระเจ้าผลักดันเราทำให้เราได้เห็นพระเจ้าในความเล็กน้อยและเปราะบางของพระกุมารเยซูเจ้า เช่นเดียวกัน ผู้ที่เป็นนักบวชไม่ได้มุ่งไปที่ผลลัพธ์ที่ได้จากการกระทำ เป้าหมาย หรือความสำเร็จภายนอก อำนาจ สิ่งที่เห็นได้ หรือจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้น

พระจิตเจ้าไม่ได้เรียกร้องสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ แต่เป็นการปลูกฝังความซื่อสัตย์ในชีวิตประจำวัน และความตั้งใจที่จะทำสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน ที่เราได้รับมอบหมายให้ดูแล บรรดานักบวชควรพิจารณาแรงจูงใจภายใน ว่าเราทำสิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้ตามการดลใจของพระจิตเจ้า หรือว่าเป็นวามสำเร็จในโลกนี้ที่เราต้องการ จุดนี้เอง เป็นการฟื้นฟูภายในของบรรดานักบวชประการแรก

ดวงตาของเราเห็นอะไร (What do our eyes see?)

พระเจ้าทรงทอดพระเนตรมายังเราด้วยสายตาแห่งความเมตตา และให้สายตาใหม่แก่เราที่จะมองตัวเราและโลก โดยไม่ได้หยุดเพียงแค่สิ่งที่เราได้เห็นเท่านั้น แต่มองทะลุเข้าไปในจิตใจของเรา ความอ่อนแอ ความล้มเหลว เพื่อแยกแยะการประทับอยู่ของพระเจ้าที่นั่น ประองค์ประทานเครื่องหมายเพื่อที่จะทำให้เราได้มองเห็นวิสัยทัศน์ใหม่ ๆ ของชีวิตที่ถวายแด่พระองค์อยู่เสมอ

ให้เราได้เปิดดวงตาของเราขึ้น พระจิตเจ้าทรงเชื้อเชิญเราท่ามกลางวิกฤตการณ์ต่าง ๆ กระแสเรียกและสมาชิกที่ลดน้อยลง กำลังเรียกร้องเราให้ฟื้นชีวิตและหมู่คณะของเรา ให้ระวังการผจญล่อลวงต่าง ๆ ที่จะทำให้พวกเราถอยไปข้างหลัง เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย ความกลัว เพื่อที่จะรักษาความเชื่อและจิตตารมณ์ของผู้ตั้งคณะของเรา

สวมกอดพระเจ้า (Embracing the Lord)

เราสวมกอดอะไรอยู่ในอ้อมแขนของเรา?

บางครั้งเรามีความเสี่ยงที่จะหลงทาง หมกมุ่นอยู่กับสิ่งต่าง ๆ นับพัน หมกมุ่นอยู่กับประเด็นเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือกระตือรือร้นในโครงการใหม่ ๆ แต่อย่าลืมว่า "หัวใจของทุกสิ่งคือพระคริสต์ โอบกอดพระองค์เป็นพระเจ้าแห่งชีวิตของเรา” ถ้าบรรดานักบวชขาดถ้อยคำที่สรรเสริญพระเจ้าและพี่น้องคนอื่น ถ้าเราขาดความชื่นชมยินดี ไม่มีความกระตือรือร้น ถ้าชีวิตหมู่คณะของเราเป็นเพียงแค่งานบ้าน มันไม่ใช่ความผิดของใครหรือสิ่งอื่นใด เป็นเพราะว่าแขนของเราไม่โอบกอดพระเยซูเจ้าอยู่

หากสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เกิดขึ้น หัวใจของเราก็ขมขื่น หรือพูดบ่นเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เป็นไปตามกลไกนาฬิกา ความเคร่งครัดที่ไม่รู้จักยืดหยุ่น ไปจนถึงการจินตนาการว่าตนเองอยู่เหนือกว่าคนอื่น

การฟื้นฟูวิสัยทัศน์ (A renewed vision)

นักบวชทุกคนควรฟื้นฟูการถวายตนเองของเราแด่พระเจ้า พิจารณาถึงสิ่งที่ขับเคลื่อนชีวิตของเรา การฟื้นฟูวิสัยทัศน์ใหม่ ๆ เรียกร้องเราให้ทำอะไร? และเหนือสิ่งอื่นใด ให้เราได้รับองค์พระเยซูคริสตเจ้าเข้ามาสู่แขนของเรา เช่นเดียวกับผู้เฒ่าสิเมโอนและนางอันนา