เมื่อวันเสาร์ที่ 14 ตุลาคตม 2023 พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงปราศรัยแก่ผู้เข้าร่วมการสัมมนาเรื่องจิตวิญญาณของคณะสกาลาบรินี่ โดยทรงสนับสนุนมิชชันนารีคณะสกาลาบรินี่ให้สานต่องานอันมีค่าของตน เพื่อผู้อพยพตามแนวทางของผู้ก่อตั้ง นักบุญจิโอวานนี บัตติสตา สกาลาบรินี (St. Giovanni Battista Scalabrini)

มิชชันนารีสกาลาบรินี่ (หรือที่รู้จักในชื่อมิชชันนารีของนักบุญชาร์ลส์ บอร์โรเมโอ) ก่อตั้งขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดยนักบุญจิโอวานนี บัตติสตา สกาลาบรินี บิชอปชาวอิตาลีผู้อุทิศชีวิตของท่านให้กับผู้อพยพชาวอิตาลีที่อพยพไปอเมริกา และในปัจจุบันทำหน้าที่ดูแลผู้อพยพ ผู้ลี้ภัย และ ผู้พลัดถิ่นทั่วโลก

#มรดกทางจิตวิญญาณของนักบุญสกาลาบรินี (St. Scalabrini spiritual legacy)

พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงปราศรัยต่อผู้เข้าร่วมการประชุมว่า "ข้าพเจ้าจะมารวบรวมผู้คนทั้งหมด" (อสย 66:18) เกี่ยวกับมรดกทางจิตวิญญาณของสกาลาบรินี ชื่อการประชุมนี้เหมาะสมอย่างยิ่ง กับเสน่ห์ของคณะสกาลาบรินี่ ในการให้ความช่วยเหลือผู้อพยพและผู้ลี้ภัยโดยถือว่าตนเองเป็น "พี่น้องชายหญิงใน การเดินทางสู่ความเป็นหนึ่งเดียวกัน”

“โศกนาฏกรรมของการอพยพย้ายถิ่นที่เกิดจากสงคราม ความอดอยาก ความยากจน และปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นที่ชัดเจนสำหรับทุกคนในปัจจุบัน และนี่คือจุดที่จิตวิญญาณของคุณเข้ามามีบทบาท”

#พระศาสนจักรเปิดกว้างสำหรับทุกคนที่กำลังมองหาบ้านและที่หลบภัย (Church is open to anyone looking for a home and a safe haven)

นักบุญสกาลาบรินีมี “วิสัยทัศน์ที่รู้แจ้ง และเป็นต้นฉบับเกี่ยวกับปรากฏการณ์การย้ายถิ่น ซึ่งถูกมองว่าเป็นการเรียกร้องให้สร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันในการกุศล” ในความทุกข์ยากครั้งใหญ่ของผู้อพยพชาวอิตาลี ซึ่งเรายังคงเห็นอยู่ทุกวันนี้ ที่มีคนจำนวนมากถูกบังคับให้ออกจากประเทศของตนไปยังประเทศอื่น

นักบุญสกาลาบรินี "เข้าใจว่าเหตุการณ์เหล่านั้นมีหมายสำคัญจากพระเจ้าสำหรับเขา นั่นคือการทรงเรียกให้ช่วยเหลือคนเหล่านั้น ทั้งทางวัตถุและทางวิญญาณ เพื่อไม่ให้ใครหลงทาง สูญเสียความเชื่อ ไปถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งกรุงเยรูซาเล็ม ดังที่ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ได้กล่าวไว้"

สำหรับคณะสกาลาบรินี เยรูซาเลมคือพระศาสนจักรคาทอลิก ซึ่งเป็นสากลอย่างชัดเจน “เพราะเป็นเมืองที่เปิดกว้างสำหรับทุกคนที่กำลังมองหาบ้านและที่หลบภัย”

#ความใกล้ชิดการดูแลและการต้อนรับ (Closeness, care and welcome)

จากนิมิตนี้จึงเรียกร้องให้ “ปลูกฝังจิตใจที่โหยหาความเป็นสากลและความเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อการพบปะและความเป็นหนึ่งเดียวกัน” เป็นการเชื้อเชิญให้ "เผยแพร่ความคิดแห่งความใกล้ชิดและยินดีต้อนรับ" เพื่อสร้าง "อารยธรรมแห่งความรัก" ตามที่ที่นักบุญพระสันตะปาปานักบุญเปาโลที่ 6 ทรงเรียกร้อง ซึ่งอย่างไรก็ตาม ไม่สามารถบรรลุได้ด้วยกำลังของมนุษย์เพียงอย่างเดียว

“'ความใกล้ชิด': คำสำคัญนี้…คือรูปแบบของพระเจ้าที่เข้ามาใกล้เสมอ”

#ไม่มีพันธกิจใดเกิดขึ้นหากไม่มีการอธิษฐานภาวนา (There is no mission without prayer)

พวกท่านจำเป็นต้องร่วมมือกับพระจิตเจ้า “ภายใต้การนำทางและด้วยพลังงานที่มาจากพระเจ้า” เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ใกล้ชิดแห่งความรักกับพระเยซูเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผ่านทางศีลมหาสนิท เพราะดังที่นักบุญสกาลาบรินีกล่าวไว้ว่า "หากไม่มีการอธิษฐานภาวนา ก็ไม่มีพันธกิจ"

ดังนั้น ขอให้มิชชันนารีชาวสกาลาบรินานีรื้อฟื้นคำมั่นสัญญาต่อผู้อพยพ และ “ให้หยั่งรากลึกมากขึ้นในชีวิตฝ่ายวิญญาณที่เข้มข้น” ตามแบบอย่างของผู้ก่อตั้งคณะ ขอขอบคุณพวกท่านอย่างจริงใจสำหรับงานทั้งหมดที่พวกท่านทำเพื่อผู้อพยพในโลก