พ่อเล่าเรื่อง 84 Pope at Angelus (1th Sunday of Lent)

ตอบโต้การผจญด้วยพระวาจาของพระเจ้า (Respond to temptation with the Word of God)

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 2022 พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงนำสวดบททูตสวรรค์แจ้งสาร ณ จัตุรัสนักบุญเปโตร นครรัฐวาติกัน ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 1 ในเทศกาลมหาพรต โดยทรงเทศน์สอนเรื่องพระเยซูเจ้าทรงเข้าไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อจำศีลอดอาหารเป็นระยะเวลา 40 วัน 40 คืน จากนั้น ปีศาจมาผจญพระองค์ พระเยซูเจ้าไม่ทรงทำตามสิ่งที่ปีศาจนำเสนอให้ แต่ตอบโต้ด้วยพระวาจาของพระเจ้าแทน (ลก 4:1-13)

ทะเลทรายหรือถิ่นทุรกันดาร เป็นสัญลักษณ์หมายถึง การต่อสู้กับการผจญที่ปีศาจมานำเสนอให้ เพื่อที่จะเรียนรู้ถึงเสรีภาพที่แท้จริงในการเลือกทำความดีหรือทำความชั่ว เป็นการต่อสู้ฝ่ายวิญญาณระหว่างการเลือกทำตามปีศาจหรือคำสั่งสอนของพระเจ้า ซึ่งเป็นการทำนายล่วงหน้าถึงคุณลักษณะของพระผู้ไถ่ของพระองค์ที่จะสำเร็จในอนาคตอันใกล้ (คือการเชื่อฟังและทำตามพระบิดาเจ้าจนกระทั่งสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน)

การต่อสู้กับการผจญล่อล่วง (The fight against temptation)

ปีศาจได้เข้ามาท้าทายความเป็นบุตรของพระเจ้า เพื่อที่จะนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง (การใช้เสรีภาพในทางที่ถูกต้อง คือ การเลือกในสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ นั่นแสดงให้เราเห็นว่า

1) พระเยซูเจ้าสามารถใช้ฤทธิ์อำนาจของพระองค์เสกให้ก้อนหินเป็นขนมปังได้ แต่พระองค์ไม่ทรงทำ

2) พระเยซูเจ้าเป็นผู้วิเศษที่จะเนรมิตหรือทำอัศจรรย์อะไรก็ได้ โดยทำให้พระองค์สามารถแสวงหาผลประโยชน์จากการมีชื่อเสียงของพระองค์ แต่พระองค์ไม่ทรงทำ

3) พระเยซูเจ้าเป็นผู้ที่มั่งคั่งที่สุดในโลกในการครอบครอบอาณาจักรต่าง ๆ ในโลกนี้ได้ แต่พระองค์ไม่ทรงทำ เพราะไม่ใช่พระประสงค์ของพระเจ้า)

เพื่อแสดงให้เห็นว่าพระเยซูเจ้ามีเสรีภาพที่แท้จริงในการทำตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้า เต็มใจที่จะทำด้วยความมุ่งมั่นและอุทิศตนเอง พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างของการไม่เป็นทาสของหัวใจหรือของความต้องการฝ่ายเนื้อหนัง ในการครอบครอบทรัพย์สินเงินทอง อำนาจ และชื่อเสียง

พระเยซูเจ้าและพระวาจาของพระเจ้า (Jesus and the Word of God)

พระเยซูเจ้าทรงเอาชนะการผจญต่าง ๆ ของปีศาจด้วยการเลือกพระวาจาของพระเจ้ามาเป็นคำตอบให้กับชีวิต ปฏิเสธสิ่งที่จะได้รับ, ไม่ใช้พระเจ้า หรือผู้อื่น หรือสิ่งอื่นใด เพื่อแสวงหาผลประโยชน์สำหรับตนเอง, หรือไม่เอาตำแหน่งหน้าที่ของตนเองเพื่อแสวงหาเกียรติยศอันสูงส่ง

หนทางสู่อิสรภาพที่แท้จริง (The path to true freedom)

ความสุขและอิสรภาพไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราครอบครอง

1) แต่เกิดจากสิ่งที่เราแบ่งปัน ไม่ใช่การตักตวงผลประโยชน์จากผู้อื่น

2) แต่เป็นการแสดงความรักต่อพวกเขา

3) มิใช่ความหลงใหลในตำแหน่งหน้าที่การงานแต่เป็นการใช้เพื่อรับใช้เพื่อนพี่น้องผู้อื่น

จงตื่นเฝ้าระวัง (Be vigilant)

เราต้องตื่นเฝ้าระวัง แต่ไม่ใช่ตกใจกลัว การผจญที่เกิดขึ้นกับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การผจญที่ซ่อนตัวมากับสิ่งที่งดงาม ด้านมืดของความศักดิ์สิทธิ์ และแรงจูงใจที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติตามพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งปีศาจมักจะใช้วิธีการนี้เสมอ

พระเยซูเจ้าเป็นตัวอย่างให้กับเราในการที่จะไม่สนทนากับปีศาจ ซึ่งเราคริสตชนก็ควรปฏิบัติด้วยเช่นเดียวกัน หากเรายอมทำตามสิ่งที่ปีศาจเสนอให้กับเรา นั่นก็คือ เราได้ทำบาปหรือทำในสิ่งที่ไม่ดี เราได้ประนีประนอมกับการทำความชั่ว หรือเผลอตัวทำลงไปด้วยเหตุผลหรือข้ออ้างอะไรบางอย่างที่ปีศาจเสนอให้กับเรา เราจะลงด้วยการโกหก หรือมีข้อแก้ตัวให้กับเราเองถึงบาปที่เราได้กระทำลงไป นั่นหมายถึง “เรามีเหตุผลที่ดีในการที่จะทำความชั่ว”

ดังนั้น เราจึงไม่ควรปล่อยให้มโนธรรมของเราหลับใหล หรือเราอาจจะกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ใคร ๆ เขาก็ทำกัน” สิ่งนี้เรียกได้ว่า “การประนีประนอมกับปีศาจ” นั่นเอง

แบบอย่างของพระเยซูเจ้า (Look to Jesus)

พระเยซูเจ้าไม่ทรงประนีประนอมกับข้อเสนอของปีศาจ พระองค์ทรงเลือกพระวาจาของพระเจ้าอย่างตรงไปตรงมา ไม่เบี่ยงเบนประเด็น หรือเอามาเป็นข้ออ้างเพื่อที่จะทำตามข้อเสนอที่ปีศาจหยิบยื่นมาให้ สิ่งนี้เองที่ทำให้พระองค์ทรงมีชัยชนะเหนือการผจญล่อลวง

ขอให้ช่วงเวลาในเทศกาลมหาพรต ได้นำเราให้เข้าไปสู่ทะเลทรายแห่งจิตวิญญาณของเรา เพื่อที่เราจะได้ใช้เวลาเพื่อที่จะอยู่เงียบ ๆ กับตนเอง สวดภาวนา พิจารณาถึงความเป็นจริงที่อยู่ในจิตใจของเรา วางตนเองอยู่ต่อหน้าพระวาจาของพระเจ้าในการอธิษฐานภาวนา เพื่อที่เราจะได้ไม่ตกเป็นทาสของปีศาจและการล่อลวงของมัน ด้วยเสรีภาพที่พระเป็นเจ้าได้ทรงมอบให้กับเรา ...