ก้าวไปกับโป๊ป #346 : ขอพระเจ้าได้โปรดประทานพระหรรษทานแห่งการฟังในกระบวนการสมัชชา (May God grant Synod the “gift of listening”)

 
ในพิธีอธิษฐานภาวนาตื่นเฝ้าวิงวอนขอพระพรจากพระจิตเจ้า เพื่อเตรียมการเปิดการสมัชชาบิชอปสากลครั้งที่ 16 ระหว่างเดือนตุลาคม 2023 ได้จัดให้มีขึ้น ณ จัตุรัสนักบุญเปโตร นครรัฐวาติกัน เมื่อวันเสาร์ที่ 30 กันยายน 2023 ท่ามกลางผู้ร่วมพิธีหลายพันคน ซึ่งมาจากพระศาสนจักรนิกายต่าง ๆ พร้อมกับผู้ร่วมอธิษฐานภาวนา ณ สถานที่อื่น ๆ อีกทั่วโลก
 
ในการปราศรัยของพระองค์ในช่วงท้ายของพิธีนี้ พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงนำไตร่ตรองหัวข้อ “ความเงียบ” ซึ่งเกี่ยวข้องกับค่านิยม 3 ประการของคริสตชนในโลกยุคปัจจุบัน
 
“ความเงียบ” อยู่ที่จุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าในโลกใบนี้ พระวจนาตถ์ซึ่งเป็นพระวาจาของพระบิดา กลายเป็น 'ความเงียบ' ในรางหญ้าและบนไม้กางเขน ในคืนวันประสูติ และในคืนแห่งความรักของพระองค์”
 
แท้จริงแล้ว ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะทรงชอบความเงียบมากกว่า "การตะโกน การนินทา และการส่งเสียงดัง" ดังที่พระองค์ปรากฏต่อประกาศกเอลียาห์ พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงปรากฏในลมพายุ แผ่นดินไหว หรือไฟ แต่ทรงปรากฏใน “เสียงสงบที่แผ่วเบา”
 
ความจริงแล้ว เรา “ไม่จำเป็นต้องส่งเสียงร้องดังเพื่อเข้าถึงใจผู้คน” เราในฐานะผู้ที่มีความเชื่อก็เช่นกัน จำเป็นต้อง “กำจัดเสียงรบกวนมากมายเพื่อจะได้ฟังเสียงของพระองค์ เพราะเพียงแต่ในความเงียบของเราเท่านั้น ที่พระวาจาของพระองค์ดังก้องกังวาน”
 
จากหนังสือกิจการของอัครสาวก ซึ่งกล่าวว่า หลังจากนักบุญเปโตรกล่าวต่อสภาแห่งกรุงเยรูซาเล็ม “ที่ประชุมทั้งหมดก็นิ่งเงียบ”
 
สิ่งนี้เตือนเราว่า “ความเงียบในชุมชนพระศาสนจักร ทำให้การสื่อสารฉันพี่น้องเป็นไปได้”; เมื่อเราเงียบเพื่อฟังผู้อื่นเท่านั้น ที่พระจิตเจ้าจะสามารถ “รวบรวมมุมมองต่าง ๆ เข้าด้วยกัน”
 
ยิ่งไปกว่านั้น ความเงียบ “ทำให้มีความเข้าใจที่แท้จริง ผ่านการตั้งใจฟังการถอนใจของพระจิตเจ้าลึกเกินกว่าจะบรรยายได้ ซึ่งสะท้อน ซึ่งซ่อนตัวอยู่ภายในประชากรของพระเจ้า”
 
เราทุกคนจึงรวมตัวกันเพื่อขอพระจิตเจ้า “ประทานของประทานแห่งการฟัง” แก่ผู้เข้าร่วมการประชุมสมัชชาที่กำลังจะมีขึ้น
 
แง่มุมสุดท้ายของความเงียบ “สิ่งนี้จำเป็นสำหรับการเดินทางแห่งเอกภาพของบรรดาคริสตชน”
 
เพราะความเงียบ “เป็นพื้นฐานของการอธิษฐานภาวนา และความเป็นหนึ่งเดียวกันของบรรดาคริสตชนนิกายต่าง ๆ (ecumenism) เริ่มต้นด้วยการอธิษฐานภาวนา และจะแห้งแล้งหรือเหี่ยวเฉาหากปราศจากมัน”
ด้วยเหตุนี้ “ยิ่งเราหันไปหาพระเจ้าในการสวดอ้อนวอนมากเท่าไร เราก็ยิ่งรู้สึกว่าพระองค์คือผู้ที่ชำระเราให้บริสุทธิ์ และรวมเราเป็นหนึ่งเดียวกันเกินกว่าความแตกต่างของเรา”
 
#สรุป (Conclusion)
 
พระสันตะปาปาฟรังซิสจบคำปราศรัยของพระองค์ด้วยคำอธิษฐานภาวนาว่า เราจะ “เรียนรู้อีกครั้งที่จะนิ่งเงียบ: ฟังสุรเสียงของพระบิดา การทรงเรียกของพระเยซูเจ้า และเสียงเรียกร้องของพระจิตเจ้า”
 
“ให้เราถามว่า สมัชชาจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม (kairós) แห่งความเป็นพี่น้องสากล สถานที่ที่พระจิตเจ้าจะชำระพระศาสนจักรจักรให้บริสุทธิ์จากการนินทา อุดมการณ์ และการแบ่งแยกขั้ว” และ “ขอให้เรารู้เช่นเดียวกับบรรดาโหราจารย์ว่าจะนมัสการพระเจ้าอย่างไร ในความเป็นเป็นหนึ่งเดียวกันและในความเงียบ พระธรรมล้ำลึกของพระเจ้าที่พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ แน่นอนว่ายิ่งเราใกล้ชิดกับพระเยซูเจ้ามากเท่าไร เราก็จะยิ่งเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในหมู่พวกเรามากขึ้นเท่านั้น”
 
(หมายเหตุ ภาษากรีกมีคำสำหรับใช้เรียกเวลาสองคำ คือ Chronos กับ Kairos: Chronos คือ เวลาตามนาฬิกา หรือ เวลาตามลำดับ, ส่วน Kairos มีความหมายลึกซึ้งกว่า คือ เวลาเชิงคุณภาพ เช่น เวลาหรือโอกาสที่เหมาะสมในการทำอะไรบางสิ่งบางอย่าง)