คำปราศรัยในงานเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย (ยน 13:16-20)

(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ผู้รับใช้ย่อมไม่เป็นใหญ่กว่านายของตน ผู้ถูกส่งไปย่อมไม่เป็นใหญ่กว่าผู้ที่ส่งเขาไป“บัดนี้ ท่านรู้เรื่องนี้แล้ว ถ้าท่านปฏิบัติตาม ท่านย่อมเป็นสุขเราไม่พูดเช่นนี้เพื่อท่านทุกคน เรารู้จักผู้ที่เราเลือกไว้แล้ว แต่พระคัมภีร์จะต้องเป็นความจริง ที่ว่า“ผู้ที่กินปังของเรา ได้ยกส้นเท้าใส่เรา” เราบอกท่านทั้งหลายตั้งแต่บัดนี้ ก่อนที่เรื่องนี้จะเกิดขึ้น เพื่อว่าเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นแล้ว ท่านจะได้เชื่อว่าเราเป็นเราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ใครรับผู้ที่เราส่งไป ก็รับเรา ใครรับเรา ก็รับพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา

          หลังจากพระเยซูเจ้าล้างเท้าอัครสาวกแล้ว พระองค์ได้สรุปข้อคำสอนแก่บรรดาอัครสาวก 2 ข้อ คือ

          1. การรับใช้ต้องเป็นบุคลลิกของผู้ที่ติดตามพระองค์

          2. อัตตลักษณ์ของพระเยซูเจ้า คือการเผยแสดงความรักของพระบิดาแก่ประชาชน

          พระเยซูเจ้าต้องการให้อัครสาวกผู้รับใช้ผู้อื่น เพราะ​บุตร​แห่ง​มนุษย์​มิได้​มา​เพื่อให้​ผู้อื่น​รับใช้แต่​มา​เพื่อ​รับใช้​ผู้อื่นและ​มอบ​ชีวิต​ของ​ตน​เป็น​สิน​ไถ่เพื่อ​มวล​มนุษย์” (มัทธิว 20: 28) พระองค์ทำเป็นตัวอย่างให้พวกเขาได้เห็น

          เป​โตรไม่ต้องการให้พระเยซูเจ้าล้างเท้าเขาจึงว่า ​ทูล​ว่า“ข้าพ​เจ้า​ไม่​ยอม​ให้​พระ​องค์​ล้าง​เท้า​ข้าพ​เจ้า”พระ​เยซู​เจ้า​ตรัส​ตอบ​ว่า“ถ้า​ท่าน​ไม่​ให้​เรา​ล้างท่าน​จะ​ไม่​มี​ส่วน​เกี่ยวข้อง​กับ​เรา”(ยอห์น 13:8)

          การที่อัครสาวกยอมให้พระเยซูเจ้าล้างเท้า เป็นเครื่องหมายการยอมรับพระเยซูเจ้าเป็นพระแมสสิอาห์ เมื่อยอมรับพระเยซูเจ้า ต้องทำสิ่งที่พระเยซูเจ้าได้กระทำต่อพวกเขาด้วย

          นักเขียนคนหนึ่งได้ให้ความเห็นว่า “สิ่งใดก็ตามที่เราทำเพื่อพระเป็นเจ้า แต่ไม่เคารพ, ไม่มีความสัมพันธ์กับเพื่อนพี่น้อง สิ่งที่เราทำเพื่อพระเป็นเจ้านั้น เป็นแค่การทำงานของพระเป็นเจ้า ไม่ใช่การทำงานเพื่อพระเป็นเจ้า

          การทำงานของพระเป็นเจ้านั้น จะวางตนเองเป็นจุดศูนย์กลาง จะสนใจแต่ผลรับที่เป็นคำชม จะทำงานของพระเป็นเจ้าเต็มที่เพราะรู้ว่า คำชม เกรียติยศ รออยู่ข้างหน้า

          แต่การทำงานเพื่อพระเป็นเจ้า งานเล็กหรืองานใหญ่ ไม่สำคัญ จะใช้โอกาสที่ได้รับเพื่อพระเป็นเจ้า โดยไม่ต้องเสียเวลาคำนวณผลประโยชน์ ไม่ต้องวางแผนซับซ้อน หลายชั้น

          การทำงานของพระเป็นเจ้า จะใช้ความรู้สึกของตนเองเป็นศูนย์กลาง

          แต่การทำงานเพื่อพระเป็นเจ้าจะใช้ความเชื่อในองค์พระเยซูเจ้าเป็นหลัก

พระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 ในสมณสาสน์  EvangeliiNuntiandiได้เขียนไว้ว่าคนยุคปัจจุบันต้องเป็นพยานชีวิตถึงพระเยซูเจ้า ไม่ใช่ฟังอย่างเดียวดังนั้น ท่านรู้เรื่องนี้แล้ว ถ้าท่านปฏิบัติตาม ท่านย่อมเป็นสุข(ยอห์น 13:17)