จากประตูแห่งความเชื่อ สู่ประตูศักดิ์สิทธิ์ (ตอนที่ 3)

(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

จากประตูแห่งความเชื่อ สู่ประตูศักดิ์สิทธิ์ (ตอนที่ 3)
PORTA FIDEI (The Door of Faith) to PORTA SANCTA (The Holy Door)

ความเดิมตอนที่แล้วได้พูดถึงความเชื่อของคริสตชน จำเป็นต้องแสดงออกถึงความเชื่อนั้นให้เป็นชีวิตของตนให้ได้ ต้องทำความเชื่อให้มีกิจการที่คนรอบข้างสัมผัสได้ว่า “เราเป็นผู้ที่มีความเชื่อในพระเป็นเจ้าอย่างแท้จริง”และได้ยกตัวอย่างความเชื่อจากจดหมายถึงชาวฮีบรูบทที่ 11ซึ่งจดหมายถึงชาวฮีบรูได้ยกตัวอย่างบุคคลในหนังสือพันธสัญญาเดิม

เราจะเห็นว่าในพันธสัญญาเดิมเต็มไปด้วยประจักษ์พยานแห่งความเชื่อ จดหมายถึงชาวฮีบรู ประกาศสรรเสริญความเชื่อ ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีของคนในสมัยก่อน "ซึ่งทำให้พวกเขาได้รับการรับรองจากพระเจ้า" (ฮบ.11:2,39)1

หนังสือ “คำสอนคาทอลิก สำหรับเยาวชน” (YOUCAT)เล่มที่ 1 ข้อที่ 22 หน้าที่ 26-27 ได้ให้คำอธิบายว่า “บุคคลจะแสดงออกถึงความเชื่ออย่างไร” หนังสือคาทอลิกสำหรับเยาวชนได้เขียนว่า

                    “เมื่อบุคคลเริ่มต้นมีความเชื่อ บ่อยครั้งมีความรู้สึกหวั่นไหว หรือความไม่สบายใจ รู้สึกว่าโลกที่มองเห็นได้ และสรรพสิ่งต่าง ๆ ไม่ได้เป็นทุกอย่างของชีวิต เขารู้สึกได้สัมผัสกับความเร้นลับ และติดตามร่องรอยที่นำเขาไปถึงการประทับอยู่ของพระเจ้า เขาค่อย ๆ มีความมั่นใจที่จะพูดถึงพระเจ้า และในที่สุด ตัวเขาเองเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์อย่างอิสระ ในพระวรสารของนักบุญยอห์นกล่าวว่า “ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้า พระบุตรเพียงพระองค์เดียวผู้สถิตในพระอุระของพระบิดานั้นทรงเผยให้เรารู้” (ยน. 1:8) นี่คือเหตุผลที่เราต้องมีความเชื่อในพระเยซูเจ้า พระบุตรของพระเจ้า หากเราต้องการทราบว่าพระเจ้าทรงปรารถนาสื่อสารสิ่งใดกับเรา ดังนั้น ความเชื่อจึงหมายถึงการยอมรับองค์พระเยซูเจ้าและวางจุดมุ่งหมายตลอดชีวิตทั้งชีวิตไว้กับพระองค์”                     

จะเห็นได้ว่า จากประสบการณ์ของบุคคลที่ความเชื่อคือ ผู้ได้ตอบรับพระเจ้าที่เปิดเผยให้บุคคลนั้นได้สัมผัส ได้รับรู้และบุคคลนั้นมั่นใจว่านี่คือการเปิดเผยของพระเป็นเจ้า

ตัวอย่างบุคคลแห่งความเชื่อในพันธสัญญาใหม่คือ พระ​นาง​มา​รีย์ หนังสือคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ได้เขียนถึงความเชื่อของพระนางมารีย์ว่า

“พระนางพรหมจารีมารีอาบำเพ็ญความนบนอบเชื่อฟังด้วยความเชื่อให้สำเร็จลุล่วงไปอย่างสมบูรณ์ที่สุดในความเชื่อพระนางต้อนรับการแจ้งสารและคำมั่นสัญญาที่อัครเทวดาคาเบรียลอัญเชิญมาเป็นอย่างดีด้วยเชื่อว่า "ไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าทรงกระทำไม่ได้" (ลก.1:37) และยอมรับปฏิบัติตามนั้น "ข้าพเจ้าคือผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้าจงเป็นไปแก่ข้าพเจ้าตามคำขอของท่านเถิด" (ลก.1:38) นางเอลิซาเบธคำนับพระนางมารีอาด้วยถ้อยคำ "เป็นบุญของเธอที่ได้เชื่อเพราะจะสำเร็จไปตามพระดำรัสของพระเป็นเจ้าที่มีมาถึงเธอ" (ลก.1:45) ความเชื่อนี้แหละที่ชนทุกยุคทุกสมัยจะประกาศว่าพระนางคือผู้มีบุญ (เทียบลก.1:48)

ตลอดชีวิตของพระนางและจนกระทั่งถึงการทดลองขั้นสุดท้าย (เทียบลก.2:35) เมื่อพระเยซูบุตรของพระนางสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนความเชื่อของพระนางก็มิได้หวั่นไหวพระนางมารีอาไม่เคยหยุดยั้งที่จะเชื่อ "ในการสำเร็จไป" ตามพระวาจาของพระเจ้าดังนั้นในองค์พระแม่มารีอาพระศาสนจักรจึงให้ความเคารพแก่สิ่งที่ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จอันบริสุทธิ์แท้ที่สุดของความเชื่อ”3

ความเชื่อพระนางมารีย์ไม่ใช่เป็นความเชื่อประเดี๋ยวประด๋าว แต่มั่นคง มุ่งมั่น แม้ว่าต้องเผชิญกับเหตุการณ์บุตรของพระนางมารีย์ถูกตรึงบนไม้กางเขน  นี่คือตัวอย่างการตอบรับการเปิดเผยของพระเป็นเจ้า เป็นการยอมรับองค์พระเยซูเจ้าและวางจุดมุ่งหมายตลอดชีวิตทั้งชีวิตไว้กับพระองค์”

 


1 คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก (CCC) ข้อที่ 147

2 จัดทำและแปลโดยคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรม

3 คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก (CCC) ข้อที่ 148-149

 

(ติดตามตอนต่อไป)

จากประตูแห่งความเชื่อ สู่ประตูศักดิ์สิทธิ์ (ตอนที่ 4)