จากการฉลอง สู่ การสมโภช | บทบรรณาธิการมิตรสงฆ์เดือนกุมภาพันธ์

จากการฉลอง สู่ การสมโภช

             บทบรรณธิการ “มิตรสงฆ์”ยังอยู่ในบริบทของ “การถวายเกียรติแต่ละเดือนของพระศาสนจักร” ซึ่งเดือนมกราคมที่ผ่านมา พระศาสนจักรถวายเกียรติแด่ “พระนามเยซู”

             สำหรับเดือนกุมภาพันธ์พระศาสนจักรถวายเกียรติและอุทิศแด่ “ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์” หากดูปฏิทินพิธีกรรม การฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ จะฉลองวันอาทิตย์แรกหลังการฉลองคริสต์มาส จะตกราวเดือนธันวาคมหรือไม่ก็เดือนมกราคม

             เหตุผลที่พระศาสนจักรถวายเกียรติและอุทิศแด่ “ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์” ในเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจาก

             ๑. เดือนกุมภาพันธ์หากเราพิจารณาปฏิทินปีพิธีกรรม จะมีความมั่งคั่ง (ภาษาสมัยเรียนพิธีกรรมที่แสงธรรม) ทางด้านความหมายของการฉลอง วันฉลองต่างๆ ในเดือนนี้เป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมระหว่างเทศกาลคริสต์มาส เข้าสู่มหาพรต เพื่อสมโภชปาสกา โดยเฉพาะวันที่ 2 กุมภาพันธ์ “วันฉลองการถวายพระกุมารในพระวิหาร” เป็นการฉลองพระเยซูเจ้าบังเกิดจนกระทั่งถึงการถวายพระกุมารในพระวิหารในวันนั้น พระจิตเจ้าได้ส่องสว่างจิตใจของสิเมโอนและทำให้ท่านตระหนักว่าเวลานี้พระเมสสิยาห์ซึ่งท่านได้เฝ้ารอคอยเป็นเวลานานแสนนานนั้นบัดนี้ประทับอยู่ในพระวิหารแล้ว ท่านจึงรีบเข้าไปหาครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ พระแม่มารีย์ นักบุญยอแซฟ พระกุมาร และรับพระกุมารมาอุ้มไว้พร้อมกับประกาศว่าพระกุมารผู้ทรงอยู่ในอ้อมแขนของท่านนั้นเป็น “องค์พระผู้ช่วยให้รอดพ้น” (ลก.2:30) และ “แสงสว่าง” (ลก.2:32)

             พิธีกรรมในวันนี้จึงมีการเสกเทียน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการส่องสว่างของพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงเป็นบ่อเกิดและต้นกำเนิดของความสว่าง (บทเสกเทียนวันฉลอง) พระองค์ “เป็นแสงสว่างเปิดเผยให้คนต่างชาติรู้จักพระองค์ และเป็นสิริรุ่งโรจน์สำหรับอิสราเอลประชากรของพระองค์” (ลก.2:32)

             การฉลองถวายพระกุมารในพระวิหารจะเป็นการเตรียมตัวเดินทาง

             จากเทียนที่เสกในวันถวายพระกุมารในพระวิหาร (แสงสว่าง) ถึง เทียนปาสกา (องค์แห่งความสว่าง) ที่เสกในคืนวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์

             จากการแห่เทียนเข้าในวัดในวันถวายพระกุมารในพระวิหารสู่ การติดตามองค์แห่งความสว่างเข้าสู่วัดในคืนวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์

             ๒. พระเยซูเจ้าเป็น “แสงสว่างส่องโลก” (ยน.8:12) “พระองค์ทรงปรากฏให้แลเห็นได้ในธรรมชาติมนุษย์” (1ทธ.3:16) พระเยซูเจ้าเข้ามาในประวัติศาสตร์ของมนุษย์โดยผ่านทางครอบครัวศักดิ์สิทธิ์พระองค์จะเป็น “แสงสว่างแท้จริงซึ่งส่องสว่างแก่มนุษย์ทุกคน” (ยน.1:9) มีส่วนได้รับแสงสว่างนี้ พูดง่ายๆ ก็คือ ความรอดไม่ใช่เป็นเรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องของส่วนรวม ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการเป็นแสงสว่างซึ่งกันและกันโดยเฉพาะในครอบครัว

             ดังนั้น เดือนกุมภาพันธ์ พระศาสนจักรถวายเกียรติแด่ “ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์” ครอบครัวที่ฉายแสงแห่งความรอดให้กับนานาชาติเป็นการสรุปเทศกาลคริสตสมภพเพื่อมุ่งสู่การสมโภชปาสกา

             ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ประกอบด้วย พระเยซูเจ้า ผู้ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า, พระนางพรหมจารีมารีย์ ผู้เป็นมารดาของพระองค์ และนักบุญโยเซฟ ผู้เป็นบิดาเลี้ยงของพระเยซูเจ้า

             จะเป็นตัวอย่างแก่คริสตชน

             เป็นตัวอย่างของการแสงสว่างแห่งความรอดซึ่งกันและกัน

             เป็นประจักษ์พยานถึงพระเจ้าให้แก่กันและกัน ร่วมทุกข์สุขด้วยกัน การประสูติของพระเยซู (ลก.2:1-20), โหราจารย์มาเฝ้าพระกุมาร (มธ.2:1-12) การถวายพระกุมารในพระวิหาร (ลก.2:22-32), พระกุมารเสด็จหนีไปประเทศอียิปต์ (มธ.2:13-2), การพบพระเยซูในหมู่นักปราชญ์ (ลก 2:41-52)

             ครอบครัวคริสตชนเป็นการใช้ชีวิตร่วมกันของบุคคล เป็นเครื่องหมายและเป็นภาพลักษณ์ของการมีชีวิตร่วมกันของพระบิดา และพระบุตรในพระจิตเจ้า (คำสอนพระศาสนจักร 2205)

             ครอบครัวสงฆ์เป็นครอบครัวโดยทางสังฆภาพของพระเยซูเจ้า

             ไม่ว่าครอบครัวไหน พระเจ้าทรง “แต่งตั้งให้เขาเป็นประจักษ์พยาน และทรงสอนเขาให้มีความเข้าใจในเรื่องความเชื่อและความสามารถประกาศพระวาจา” (กจ 2:17-18; วว 19:10)


คุณพ่อเอนก นามวงษ์