พระเยซูเจ้าลงมาบังเกิด สิ้นพระชนม์เพื่อไถ่บาปของเราทุกคน แล้วทำไมเราคริสตชนจึงต้องรับศีลล้างบาปอีก? (บาปกำเนิดไม่ได้หมดไปกับการที่พระเยซูเจ้าล้างบาปของเราด้วยการสิ้นพระชนม์หรือ?)

พระเยซูเจ้าลงมาบังเกิด สิ้นพระชนม์เพื่อไถ่บาปของเราทุกคน
แล้วทำไมเราคริสตชนจึงต้องรับศีลล้างบาปอีก?
(บาปกำเนิดไม่ได้หมดไปกับการที่พระเยซูเจ้าล้างบาปของเราด้วยการสิ้นพระชนม์หรือ?)

          

          พระเยซูเจ้าไม่ได้ทำพิธีล้างบาป  1บรรดา​ชาว​ฟา​ริ​สี​ได้ยิน​ว่า​พระ​เยซู​เจ้า​ทรง​ทำ​พิธี​ล้าง​และ​ทรง​มี​ศิษย์​มาก​กว่า​ยอห์น 2ความ​จริง​แล้ว ผู้ทำ​พิธี​ล้าง​ไม่​ใช่​พระ​องค์​แต่​เป็น​บรรดา​ศิษย์” (ยน 4:1-2)

          แต่พระองค์ทรงยอมสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่บาปของเรา

          นักบุญยอห์นบอกว่า “ถ้า​เรา​พูด​ว่า ‘เรา​ไม่​มี​บาป’เรา​กำลัง​หลอก​ตนเอง และ ‘ความ​จริง’ ไม่​อยู่​ใน​เรา”(1ยน1:8)

          ก็แปลว่าเราทุกคนคือคนบาป

          นักบุญเปาโลบอกว่า “ค่าตอบแทน​ที่​ได้​จาก​บาป​คือ ความ​ตาย” (รม 6:23)

          เพราะฉะนั้น คนที่สมควรถูกตรึงตายบนไม้กางเขนก็คือเรา !

          แต่พระเยซูเจ้าทรงยอมตายแทนเรา !!!

          พระองค์ทรงหยิบยื่นความรอดพ้นให้ทุกคนแล้ว แต่ความรอดพ้นนั้นจะเป็นของเราหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะไปรับมาหรือไม่

          เมื่อปี 1830 ชาวอเมริกันคนหนึ่งชื่อ จอร์จ วิลสันได้ฆ่าเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งพยายามจับกุมเขาข้อหาลักขโมยไปรษณีย์ภัณฑ์ เขาถูกจับและถูกตัดสินประหารชีวิตโดยการแขวนคอ ประธานาธิบดี แอนดรูว์ แจคสัน ได้อภัยโทษประหารให้แก่เขา แต่เขาปฏิเสธที่จะรับการอภัยโทษ หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายก็ไม่รู้จะดำเนินการต่อไปอย่างไร จึงส่งเรื่องให้ศาลสูงพิจารณา ประธานศาลสูงตัดสินว่า “การอภัยโทษเป็นเพียงกระดาษแผ่นหนึ่ง คุณค่าของมันขึ้นอยู่กับว่าผู้รับการอภัยจะยอมรับมันหรือไม่ หากไม่ยอมรับมันก็ไม่ใช่การอภัย จอร์จ วิลสัน ต้องถูกแขวนคอ”แล้วจอร์จ วิลสันก็ถูกแขวนคอจริงๆ

          เช่นเดียวกัน คุณค่าของการสิ้นพระชนม์บนกางเขน ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะยอมรับหรือไม่

          ถ้าเราต้องการความรอดพ้นที่พระเยซูเจ้านำมาให้ นักบุญเปโตรปราศัยกับชาวยิวหลังรับพระจิตเจ้าว่า “ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​กลับใจ​เถิด แต่ละ​คน​จง​รับศีล​ล้าง​บาป​เดชะ​พระ​นาม​ของ​พระ​เยซู​คริสต​เจ้า เพื่อ​จะ​ได้​รับ​การ​อภัย​บาปแล้ว​ท่าน​จะ​ได้​รับ​พระ​พร​ของ​พระ​จิต​เจ้า” (กจ2:38)

          อานาเนียพูดกับเปาโลหลังกลับใจว่า “บัดนี้​ท่าน​รอ​อะไร​อยู่​อีก​เล่าจง​ลุก​ขึ้นรับศีล​ล้าง​บาป​และ​เรียกขาน​พระ​นาม​ของ​พระ​องค์​ชำระล้าง​บาป​ของ​ท่าน​เถิด” (กจ22:16)

          ศีลล้างบาปมีความสำคัญ “ผู้​ที่​เชื่อ​และ​รับศีล​ล้าง​บาป​ก็​จะ​รอด​พ้นผู้​ที่​ไม่​เชื่อ​จะ​ถูก​ตัดสิน​ลงโทษ” (มก 16:16)

          ทุกวันนี้พระศาสนจักรยังโปรดศีลล้างบาปตามพระบัญชาของพระเยซูเจ้า 18พระ​เยซู​เจ้า​เสด็จ​เข้า​มา​ใกล้ตรัส​แก่​เขา​เหล่า​นั้น​ว่า‘พระ​เจ้า​ทรง​มอบอำนาจ​อาชญาสิทธิ์​ทั้งหมด​ใน​สวรรค์​และ​บน​แผ่น​ดิน​ให้แก่​เรา19เพราะฉะนั้นท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​ไป​สั่งสอน​นานา​ชาติ​ให้​มา​เป็น​ศิษย์​ของ​เราทำ​พิธี​ล้าง​บาป​ให้​เขา​เดชะ​พระ​นาม​พระ​บิดาพระ​บุตร​ และ​พระ​จิต20จง​สอน​เขา​ให้​ปฏิบัติ​ตาม​คำ​สั่ง​ทุก​ข้อ​ที่​เรา​ให้แก่​ท่านแล้ว​จง​รู้​เถิด​ว่า​เรา​อยู่​กับ​ท่าน​ทุก​วัน​ตลอดไป​ตราบ​จน​สิ้น​พิภพ” (มธ 28:18-20)

          หลังจากสิ้นพระชนม์และกลับคืนพระชนมชีพแล้ว พระเยซูเจ้าทรงสั่งบรรดาศิษย์ให้โปรดศีลล้างบาปต่อไป คำสัญญาว่าจะอยู่กับบรรดาศิษย์จนสิ้นพิภพ ซึ่งยังมาไม่ถึง แสดงว่าพระองค์ประสงค์ให้การโปรดศีลล้างบาปเป็นความรับผิดชอบของผู้ติดตามพระองค์ทุกยุคทุกสมัย ซึ่งรวมถึงสมัยของเราด้วย